ระเบียบคณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว
ว่าด้วยการดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุน พ.ศ. ๒๕๕๗
……………………………………….
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว ให้มีความเหมาะสม และเกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงานมากยิ่งขึ้น
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๑ (๒) แห่งประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ พ.ศ. ๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ คณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว จึงมีมติในการประชุมครั้งที่ ๑ /๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ให้ออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
หมวด ๑ บททั่วไป
ส่วนที่ ๑ ชื่อ ที่ตั้ง บทนิยาม
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว ว่าด้วยการดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุน พ.ศ. ๒๕๕๗”
ข้อ ๒ ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว ว่าด้วยการจัดตั้งและการดำเนินงานหรือบริหารจัดการกองทุน พ.ศ. ๒๕๕๔ ลงวันที่ 2 มีนาคม 2554
ข้อ ๓ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๔ สำนักงานกองทุน ตั้งอยู่ ณ สำนักงานเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
ข้อ ๕ ให้นายกเทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว รักษาการตามระเบียบนี้และให้มีอำนาจตีความหรือวินิจฉัยชี้ขาดการปฏิบัติตามระเบียบนี้
ข้อ ๖ ในระเบียบนี้
“เทศบาล” หมายความว่า เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว
“นายกเทศมนตรี” หมายความว่า นายกเทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว
“กองทุน” หมายความว่า กองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว
“กองทุนหลักประกันสุขภาพ” หมายความว่า กองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการรักษาพยาบาลระดับปฐมภูมิเชิงรุก ที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต
“คณะกรรมการกองทุน” หมายความว่า คณะกรรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว
“คณะอนุกรรมการ” หมายความว่า คณะบุคคลที่คณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ กลั่นกรองโครงการที่เสนอขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุน รวมทั้งให้ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะอื่นๆ ในการบริหารจัดการกองทุน
“คณะทำงาน” หมายความว่า คณะบุคคลที่คณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งเพื่อช่วยเหลือการดำเนินงานของกองทุน
“การจัดบริการสาธารณสุข” หมายความว่า การจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ฟื้นฟูสมรรถภาพ และรักษาพยาบาลระดับปฐมภูมิเชิงรุก ตามประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ภายใต้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การจัดบริการสาธารณสุขของกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ พ.ศ. ๒๕๕๗
“สถานบริการ” หมายความว่า สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ ของเอกชนและ ของสภากาชาดไทย หน่วยบริการการประกอบโรคศิลปะสาขาต่างๆ และสถานบริการสาธารณสุขอื่นที่
คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกำหนดเพิ่มเติม
“หน่วยบริการ” หมายความว่า สถานบริการที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕
“หน่วยงานสาธารณสุข” หมายความว่า หน่วยงานที่มีภารกิจด้านการสาธารณสุขโดยตรง แต่มิได้เป็นสถานบริการหรือหน่วยบริการ เช่น สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
“หน่วยงานอื่น” หมายความว่า หน่วยงานที่มิได้มีภารกิจด้านการสาธารณสุขโดยตรง แต่อาจดำเนินกิจกรรมด้านการส่งเสริมสุขภาพหรือการป้องกันโรคได้ในขอบเขตหนึ่ง เช่น โรงเรียน สถาบันการศึกษา วัด เป็นต้น
“หน่วยงาน” หมายความว่า หน่วยบริการ สถานบริการ หน่วยงานสาธารณสุขและ
หน่วยงานอื่นตามระเบียบนี้
“กลุ่มหรือองค์กรประชาชน” หมายความว่า องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน หรือภาคเอกชน ที่มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม ชมรม สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรที่เรียกชื่ออย่างอื่นตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไป ซึ่งเป็นการรวมตัวกันดำเนินกิจกรรมโดยมีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไร ทั้งนี้จะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ก็ได้
“เงินอุดหนุน” หมายความว่า เงินที่จ่ายให้หน่วยงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมตามโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน ภายใต้ระเบียบของกองทุน
“เงินยืม” หมายความว่า เงินที่จ่ายให้กับกลุ่มหรือองค์กรประชาชนยืมเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมตามโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน ภายใต้ระเบียบของกองทุน
“ทรัพย์สิน” หมายความว่า สังหาริมทรัพย์ประเภทครุภัณฑ์ หรือวัสดุที่มีลักษณะคงทนถาวรและมีอายุการใช้งานนานเกิน ๑ ปีขึ้นไป
ส่วนที่ ๒ วัตถุประสงค์ของกองทุน
ข้อ ๗ กองทุนมีวัตถุประสงค์เพื่อ
(๑) สนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ หรือสถานบริการ หรือหน่วยงานสาธารณสุข เพื่อให้กลุ่มแม่และเด็ก กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนพิการ กลุ่มผู้ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยง และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่อยู่ในพื้นที่ สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
(๒) สนับสนุนและส่งเสริมให้กลุ่มหรือองค์กรประชาชน หรือหน่วยงานอื่นดำเนินกิจกรรมเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคให้กับสมาชิกหรือประชาชนในพื้นที่
หมวด ๒ การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุน
ข้อ ๘ ให้เทศบาลเป็นผู้ดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ข้อ ๗ ภายใต้ความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๙ ในการดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนตามข้อ ๘ ให้เทศบาลส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมตามความพร้อม ความเหมาะสม และความต้องการของประชาชนในพื้นที่
หมวด ๓ การใช้จ่ายเงินกองทุน
ข้อ ๑๐ เงินกองทุน ให้ใช้จ่ายเพื่อ
(๑) สนับสนุนและส่งเสริมเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดบริการ หรือดำเนินกิจกรรมตาม
วัตถุประสงค์ข้อ ๗ และในกรณีที่กลุ่มหรือองค์กรประชาชน หรือหน่วยงานอื่นตามข้อ ๗ (๒) จำเป็นต้องจัดซื้อวัสดุที่มีลักษณะเป็นครุภัณฑ์สำหรับใช้ในการดำเนินกิจกรรมตามโครงการ ให้สนับสนุนได้ไม่เกินวงเงิน ๕,๐๐๐ บาทต่อโครงการ และเมื่อจัดซื้อแล้วให้อยู่ในความดูแลของผู้ได้รับการสนับสนุนนั้นๆ
(๒) สนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟู
สมรรถภาพ และการรักษาพยาบาลเชิงรุกของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หรือศูนย์พัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและคนพิการ หรือศูนย์ชื่ออื่นที่มีการดำเนินกิจกรรมในลักษณะเดียวกันในชุมชน เป็นเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑๕ ของเงินรายรับแต่ละปีงบประมาณ
(๓) สนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารหรือพัฒนากองทุนให้มีประสิทธิภาพไม่
เกินร้อยละ ๑๕ ของเงินรายรับของกองทุนในแต่ละปีงบประมาณ กรณีที่จำเป็นต้องจัดซื้อครุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยตรง กับการดำเนินงานครุภัณฑ์นั้นต้องมีราคาไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท/หน่วย
(๔) สนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณสุขกรณีเกิด
โรคระบาดหรือภัยพิบัติในพื้นที่ ตามความจำเป็น เหมาะสม และทันต่อสถานการณ์
ทั้งนี้ ภายใต้โครงการที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ
หมวด ๔ คณะกรรมการกองทุนและที่ปรึกษากองทุน
ส่วนที่ ๑ องค์ประกอบ การคัดเลือก และการดำรงตำแหน่ง
ข้อ ๑๑ คณะกรรมการกองทุน ประกอบด้วย
(ก) ผู้อำนวยการโรงพยาบาล กม.๑๐ เป็นที่ปรึกษา
(ข) สาธารณสุขอำเภอสัตหีบ เป็นที่ปรึกษา
(๑) นายกเทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว เป็นประธานกรรมการ
(๒) ผู้ทรงคุณวุฒิในพื้นที่ จำนวน ๒ คน เป็นรองประธานกรรมการ
(๓) สมาชิกสภาเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว เป็นกรรมการ
ที่สภามอบหมาย จำนวน ๒ คน
(๔) หัวหน้าหน่วยบริการปฐมภูมิในพื้นที่ เป็นกรรมการ
ที่คัดเลือกกันเอง จำนวน ๒ คน
(๕) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เป็นกรรมการ
ในพื้นที่ที่คัดเลือกกันเอง จำนวน ๒ คน
(๖) ผู้แทนชุมชน ที่ชุมชนคัดเลือกกันเอง เป็นกรรมการ
จำนวน ๕ คน
(๗) ผู้แทนศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพ เป็นกรรมการ
ประชาชนหรือหน่วยรับเรื่องร้องเรียนอิสระในพื้นที่ จำนวน ๑ คน (ถ้ามี)
(๘) ปลัดเทศบาล เป็นกรรมการและเลขานุการ
(๙) ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขาฯ
ข้อ ๑๒ การคัดเลือกกรรมการตามข้อ ๑๑ กรณี (๔) (๕) และ (๖) ให้เทศบาลจัด
ประชุมเพื่อให้บุคคลในแต่ละกลุ่มได้คัดเลือกกันเองอย่างเปิดเผยและมีส่วนร่วมตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ส่วนกรณี (๒) ให้กรรมการตาม (๑) และ (๓)-(๙) ประชุมคัดเลือก จำนวน ๒ คนจากผู้ทรงคุณวุฒิ ในพื้นที่ โดยให้คนที่ ๑ เป็นรองประธานคนที่หนึ่งและอีกคนหนึ่งเป็นรองประธานคนที่ ๒
ให้เทศบาลแจ้งรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการ พร้อมบันทึกรายงานการประชุมคัดเลือก ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อออกคำสั่งแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๑๓ ให้กรรมการที่มาจากการคัดเลือกมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ ๔ ปี
เมื่อกรรมการในวรรคหนึ่งอยู่ในตำแหน่งครบวาระ ๔ ปีแล้ว ยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการขึ้นใหม่ ให้กรรมการที่ครบวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่ากรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ ทั้งนี้ต้องไม่เกินหกสิบวัน
ในกรณีกรรมการตามวรรคหนึ่งพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้มีการคัดเลือกกรรมการประเภทเดียวกันแทน และให้ผู้ได้รับการคัดเลือกอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลือของ กรรมการที่ตนแทน
ในกรณีที่ประธานกรรมการตามข้อ ๑๑ (๑) มีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้รองประธานกรรมการ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้ตามลำดับ แต่กรณีที่ไม่มีหรือพ้นจากตำแหน่ง ให้ปลัดเทศบาลตามข้อ ๑๑ (๘) ปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการแทน
ข้อ ๑๔ กรรมการที่มาจากการคัดเลือกตามข้อ ๑๑ (๒) (๔) (๕) (๖) และ (๗) นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว ให้พ้นจากตำแหน่งในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) ย้ายไปดำรงตำแหน่งหรือไปประกอบวิชาชีพหรืออาชีพในท้องถิ่นหรือพื้นที่อื่น
(๔) เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
(๕) เป็นบุคคลล้มละลาย
(๖) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่โทษสำหรับความผิดที่ได้
กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
ส่วนที่ ๒ การประชุม
ข้อ ๑๕ ให้เทศบาลจัดประชุมคณะกรรมการกองทุนตามความจำเป็นและเหมาะสม ปีหนึ่งต้องไม่น้อยกว่า ๔ ครั้ง โดยการประชุมแต่ละครั้งต้องดำเนินการ ดังนี้
(๑) มีกรรมการมาประชุมไม่กว่าน้อยกึ่งหนึ่ง
(๒) จัดให้มีระเบียบวาระการประชุม
(๓) จัดทำรายงานการประชุม โดยกรรมการและเลขานุการ เป็นผู้ลงนามและรับผิดชอบความถูกต้อง สมบูรณ์ครบถ้วนของรายงาน
(๔) รายงานบัญชีรับจ่ายและสถานการณ์การเงินของกองทุนให้ที่ประชุมทราบ
ส่วนที่ ๓ อำนาจหน้าที่
ข้อ ๑๖ คณะกรรมการกองทุนมีอำนาจหน้าที่
(๑) พิจารณาอนุมัติแผนการดำเนินงาน หรือโครงการที่เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน
กรณีกรรมการผู้ใดเป็นผู้เสนอโครงการให้กรรมการผู้นั้นมีสิทธิชี้แจงต่อที่ประชุมแต่ไม่ มีสิทธิออกเสียงอนุมัติโครงการนั้น
(2) ออกระเบียบที่จำเป็นเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน
(3) ควบคุมและกำกับดูแลการรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงินและการจัดทำบัญชีเงินหรือทรัพย์สินในกองทุน
(4) กำกับดูแลให้หน่วยงาน หรือกลุ่ม หรือองค์กรผู้ที่ได้รับอนุมัติตามข้อ ๑๐ ให้เป็นไปตามโครงการ ตามที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ
(5) สนับสนุนให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ในพื้นที่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขทั้งที่บ้าน ในชุมชน หรือหน่วยบริการ ได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
(6) ให้คำแนะนำในการจัดทำข้อมูลและแผนดำเนินงานที่เกี่ยวกับปัญหาสาธารณสุขของกลุ่มเป้าหมาย หน่วยบริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง และเทศบาล
(7) พิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดทำสรุปผลการดำเนินงาน รายงานการรับจ่ายและเงินคงเหลือของกองทุนเมื่อสิ้นปีงบประมาณ ให้สำนักงานสาขาจังหวัด สำนักงานเขต สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ภายในเดือนธันวาคมของทุกปี
(8) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงาน เพื่อดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ได้รับค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นในการดำเนินงานตามระเบียบของคณะกรรมการกองทุน
กรณี (2) (3) และ (4) ให้เป็นไปตามเอกสารแนบท้ายประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ พ.ศ. ๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เรื่อง หลักเกณฑ์การรับเงิน การเก็บรักษาเงิน การจ่ายเงิน การจัดทำบัญชีและรายงานของกองทุนหลักประกันสุขภาพ
หมวด ๕ เงินกองทุนหลักประกันสุขภาพ
ส่วนที่ ๑ ที่มาของเงิน
ข้อ ๑๗ เงินกองทุนหลักประกันสุขภาพ มาจาก
(๑) เงินที่ได้รับจัดสรรแต่ละปีจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในส่วนของการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค ตามที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกำหนด
(๒) เงินสมทบจากงบประมาณของเทศบาล ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเงินที่ได้รับจัดสรรตาม (๑) ทั้งนี้ การสมทบให้ดำเนินการเมื่อเริ่มต้นปีงบประมาณ
(๓) เงินสมทบจากชุมชนหรือกองทุนชุมชนอื่น
(๔) รายได้อื่นๆ ที่ได้รับมาในกิจการของกองทุนหลักประกันสุขภาพ
ส่วนที่ ๒ การรับเงิน
ข้อ ๑๘ บรรดาเงินรายรับของกองทุน ให้นำส่งเข้าบัญชีของกองทุนที่เปิดไว้ตามข้อ ๒๑
ข้อ ๑๙ การรับเงินเข้ากองทุน ให้รับเป็นเงินสด หรือเช็ค และให้ออกใบเสร็จรับเงินในนามของกองทุน ตามแบบ กท. ๖ ให้แก่ผู้ชำระเงินทุกครั้ง เว้นแต่การรับเงินโดยการโอนผ่านทางธนาคาร ตามข้อ ๑๗ (๑) ให้ใช้หนังสือตอบรับการได้รับเงินเป็นหลักฐานการรับเงินแทนใบเสร็จรับเงิน
ข้อ ๒๐ เงินสดที่กองทุนได้รับไว้ ให้นำฝากเข้าบัญชีของกองทุนภายในวันที่ได้รับเงิน หากไม่สามารถดำเนินการได้ทัน ให้พนักงานเทศบาลที่นายกเทศมนตรีมอบหมาย เก็บเงินสดดังกล่าวไว้ในซอง ระบุเงินกองทุน จำนวนเงิน ปิดผนึก ลงลายมือชื่อผู้รับผิดชอบ และนำฝากไว้ในตู้นิรภัย ของเทศบาลแล้วนำฝากเข้าบัญชีในวันถัดไป
ส่วนที่ ๓ การเก็บรักษาเงิน
ข้อ ๒๑ การเก็บรักษาเงิน
(๑) ให้คณะกรรมการกองทุนเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารเพื่อการเกษตรและ
สหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ประเภทบัญชีเงินฝาก “ออมทรัพย์” ชื่อบัญชี “กองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี”
(๒) ให้ประธานกรรมการบริหารกองทุนสามารถเก็บรักษาเงินเพื่อสำรองจ่ายได้ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท เพื่อสำรองจ่ายเป็น ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม ค่าเบี้ยประชุมของคณะกรรมการกองทุน และคณะอนุกรรมการกองทุน เป็นต้น
ข้อ ๒๒ การเปิดบัญชีเงินฝากตามข้อ ๒๑ ให้คณะกรรมการกองทุน มอบหมายให้ประธานกรรมการ กรรมการและเลขานุการ และกรรมการอื่นอีก ๒ คน เป็นผู้มีอำนาจลงนามร่วมกันในการเปิดบัญชีและสั่งจ่ายเงินจากบัญชี โดยเงื่อนไขการสั่งจ่ายเงินจากบัญชี ให้ลงนาม ๒ ใน ๔ คน โดยต้องมีประธานกรรมการ หรือกรรมการและเลขานุการ ร่วมลงนามในการสั่งจ่ายเงินทุกครั้ง
ส่วนที่ ๔ การสั่งจ่ายเงิน
ข้อ ๒๓ ให้นายกเทศมนตรีสั่งจ่ายเงินกองทุน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามข้อ ๑๐ ภายใต้โครงการที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ ตามแบบสรุปรายละเอียดโครงการ กท.๓/๑
ข้อ ๒๔ วิธีการจ่ายเงินกองทุน ให้จ่ายได้ดังนี้
(๑) จ่ายเป็นเช็คขีดคร่อม
(๒) จ่ายทางธนาคาร
(๓) จ่ายเป็นเงินสด กรณีนี้ให้จ่ายได้เฉพาะที่จำเป็นและวงเงินไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท
ข้อ ๒๕ การจ่ายเงินตามข้อ ๒๔ ให้จ่ายในนามของผู้มีสิทธิรับเงิน
(๑) กรณีเป็นหน่วยงาน ให้หัวหน้าของหน่วยงานนั้นเป็นผู้รับเงิน หากไม่สามารถมารับเงินด้วยตนเองได้ให้มอบอำนาจเป็นหนังสือให้ผู้อื่นเป็นผู้รับเงินแทน ตามแบบ กท. ๗
(๒) กรณีเป็นกลุ่มหรือองค์กรประชาชน ให้หัวหน้ากลุ่มหรือองค์กรประชาชนและผู้รับผิดชอบโครงการชุดเบิกจ่ายเงิน อีกจำนวน ๑ คน รวมเป็น ๒ คน เป็นผู้รับเงิน
ข้อ ๒๖ การจ่ายเงินกองทุน ต้องมีหลักฐานการจ่ายเงินที่เป็นใบเสร็จรับเงิน หรือใบสำคัญรับเงิน ตามแบบ กท.๕ หรือหลักฐานการนำเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิรับเงิน เพื่อเก็บไว้ให้ตรวจสอบ
หมวด ๖ การบันทึกบัญชีและการรายงานการเงิน
ข้อ ๒๗ การบันทึกบัญชี
(๑) ให้บันทึกตามระบบบัญชีของเทศบาลที่ถือปฏิบัติ แต่ให้แยกระบบบัญชีออกจากระบบบัญชีปกติอีกชุดหนึ่งต่างหาก
(๒) รอบระยะเวลาบัญชี ให้ถือตามปีงบประมาณ การเริ่มระบบบัญชีให้เริ่ม ณ วันที่ได้รับเงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือได้รับเงินจากเทศบาล
ข้อ ๒๘ ให้เทศบาลมอบหมายให้คณะทำงาน
(๑) บันทึกบัญชีตามข้อ ๒๗
(๒) จัดทำสรุปผลการดำเนินงาน รายงานการรับจ่าย และเงินคงเหลือประจำเดือน ด้วยระบบอิเลคโทรนิคสารสนเทศ หรือระบบอื่น
(๓) จัดส่งข้อมูลตาม (๒) ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนแล้วให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสาขาเขตทุกไตรมาส โดยจัดส่งภายใน ๓๐ วันนับจากสิ้นไตรมาสตามรูปแบบที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกำหนด และทุกสิ้นปีงบประมาณให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสาขาเขต สำเนาส่งให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสาขาจังหวัด สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจังหวัด ภายในเดือนธันวาคมของทุกปี
หมวด ๗ การสนับสนุนเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพ
ส่วนที่ ๑ ขั้นตอน หลักเกณฑ์และวิธีการขอรับการสนับสนุน
ข้อ ๒๙ หน่วยงาน หรือกลุ่ม หรือองค์กรประชาชนใด ที่ประสงค์จะขอรับการ
สนับสนุนเงินจากกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดบริการสาธารณสุข หรือดำเนินกิจกรรม ด้านสาธารณสุขที่อยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ของกองทุน ให้หัวหน้าของหน่วยงาน หรือของกลุ่มหรือองค์กรประชาชนนั้น เสนอขอรับการสนับสนุนได้ในรูปแบบของโครงการตามแบบ กท.๑ และนำส่งต่อเทศบาลตามแบบ กท.๒
ในการเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนตามวรรคหนึ่ง ให้ดำเนินการ ดังนี้
(๑) ให้มีรายงานการประชุม ที่ระบุมติให้เสนอโครงการขอรับการสนับสนุน
เงินกองทุน และมติแต่งตั้งผู้รับผิดชอบโครงการ จำนวน ๓ ชุด ชุดละ ๓ คน มีคนหนึ่งเป็นหัวหน้าชุด ประกอบด้วย
(ก) ชุดจัดซื้อจัดจ้าง
(ข) ชุดตรวจรับ
(ค) ชุดเบิกจ่ายเงิน
โดยการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบโครงการ คนหนึ่งแต่งตั้งให้รับผิดชอบได้ไม่เกิน ๒ ชุด และไม่ควรแต่งตั้งให้ชุด (ก) เป็นชุด (ข) ด้วย สำหรับชุด (ค) ให้หัวหน้าของหน่วยงานหรือของกลุ่มหรือองค์กรประชาชนรับผิดชอบเป็นหัวหน้าชุด
(๒) ให้ระบุชื่อผู้รับผิดชอบโครงการแต่ละชุดลงในแบบ กท.๑
ยกเว้นการเสนอโครงการของหน่วยงาน ไม่ต้องจัดให้มีรายงานการประชุม
ตาม (๑) แต่ต้องดำเนินการตาม (๒)
ข้อ ๓๐ หลังจากเทศบาลได้รับโครงการตามข้อ ๒๙ แล้วให้คณะทำงานดำเนินการดังนี้
(๑) สรุปรายละเอียดโครงการ ลงในแบบ กท.๓
(๒) จัดประชุมคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณาตรวจสอบ กลั่นกรองโครงการตาม (๑) หากที่ประชุมคณะอนุกรรมการมีความเห็นเช่นใด ให้ระบุความเห็นลงในแบบ กท.๓ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกองทุน
(๓) จัดประชุมคณะกรรมการกองทุน เพื่อพิจารณาโครงการที่ผ่านการตรวจสอบกลั่นกรองตาม (๒) แล้ว
(๔) กรณีคณะกรรมการกองทุน พิจารณาแล้วมีมติ
(๔.๑) ไม่อนุมัติ ให้แจ้งผู้ขอรับการสนับสนุนทราบพร้อมด้วยเหตุผล
หากเป็นโครงการที่สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ ให้เสนอแนะเพื่อปรับปรุงแก้ไขและนำส่งเข้ามาใหม่ ตามเงื่อนเวลาที่กำหนด
(๔.๒) อนุมัติ ให้ทำการปรับแบบสรุปรายละเอียดโครงการ จาก กท.๓ เป็น กท.๓/๑ กรณีโครงการใดที่ประชุมมีมติให้ปรับเพิ่มหรือลดรายการหรือค่าใช้จ่าย ให้แก้ไข กท.๓/๑ ให้เป็นไปตามมติที่ประชุมนั้น โดยระบุค่าใช้จ่ายสามารถถัวเฉลี่ยได้ตามความจำเป็น
ทั้งนี้ ให้ใช้แบบ กท.๓/๑ เป็นหลักฐานในการสั่งจ่ายเงินกองทุนของนายกเทศมนตรี
(๕) ดำเนินการเบิกจ่ายเงินกองทุน ให้ผู้เสนอโครงการที่ได้รับอนุมัติตาม (๔.๒) ภายใน
๑๕ วันทำการนับแต่ที่ประชุมมีมติ
ส่วนที่ ๒ วิธีการสนับสนุนเงินกองทุน
ข้อ ๓๑ การสนับสนุนเงินกองทุน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน ก่อนจ่ายให้ดำเนินการดังนี้
(๑) ถ้าจำนวนเงินตามโครงการที่ได้รับอนุมัติเกินกว่า ๑๐,๐๐๐ บาทให้เปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคาร ประเภทบัญชี “ออมทรัพย์” ชื่อบัญชี “ชื่อ ...(หน่วยงาน หรือกลุ่มหรือองค์กรประชาชน)” เพื่อรองรับเงินสนับสนุน
ในการเปิดบัญชีดังกล่าว ให้ผู้รับผิดชอบโครงการ ชุดเบิกจ่ายเงินตามข้อ ๒๙ วรรคสอง (ค) รับผิดชอบในการเปิดและให้ ๒ ใน ๓ มีอำนาจลงนามเบิกเงินจากบัญชี ทั้งนี้ ให้หัวหน้าของหน่วยงานหรือกลุ่มหรือองค์กรประชาชน ในฐานะหัวหน้าชุดเบิกจ่ายเงินร่วมลงนามเบิกจ่ายด้วยทุกครั้ง
หากหน่วยงานหรือกลุ่มหรือองค์กรประชาชนใดมีบัญชีเงินฝาก ในนามของหน่วยงานหรือกลุ่มหรือองค์กรของตนอยู่แล้ว หรือที่เปิดไว้ตามระเบียบกองทุนที่ยกเลิก ให้ใช้บัญชีดังกล่าวได้
(๒) กรณีผู้ได้รับการสนับสนุนเป็นกลุ่มหรือองค์กรประชาชน ให้จัดทำสัญญายืมเงินตามแบบ กท.๔ ไว้เป็นหลักฐานด้วยโดยทำ ๒ ฉบับเก็บไว้ฝ่ายละฉบับ
ข้อ ๓๒ ในการเบิกจ่ายเงินกองทุน เพื่อสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามโครงการ ให้มีหลักฐานประกอบด้วย
(๑) แบบเสนอโครงการ กท.๑
(๒) แบบสรุปรายละเอียดโครงการ กท.๓/๑
(๓) สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝากตามข้อ ๓๑ (๑) เพื่อเป็นหลักฐานในการสั่งจ่ายเช็คเข้าบัญชี (กรณีสนับสนุนครั้งแรก) และ
(๔) แบบใบเบิกเงิน กท. ๑๕ กรณีสนับสนุนในลักษณะเงินอุดหนุนให้กับหน่วยงานหรือ
(๕) แบบใบยืมเงิน กท. ๑๓ และสัญญายืมเงิน กท.๔ กรณีสนับสนุนในลักษณะเงินยืมให้กับกลุ่มหรือองค์กรประชาชน
ข้อ ๓๓ ให้หัวหน้าของหน่วยงาน รับผิดชอบในการเบิกเงินตามข้อ ๓๒ (๔) และให้หัวหน้ากลุ่มหรือองค์กรประชาชน รับผิดชอบในการยืมเงินและทำสัญญายืมเงินตามข้อ ๓๒ (๕)
ข้อ ๓๔ ในการเบิกจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากตามข้อ ๓๑ (๑) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามโครงการ เฉพาะกรณีหน่วยงาน ให้หัวหน้าของหน่วยงานเป็นผู้อนุมัติตามรายการและค่าใช้จ่ายที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนตามแบบ กท.๙ และให้เก็บหลักฐานการอนุมัติไว้เพื่อการตรวจสอบ
ข้อ ๓๕ ภายใน ๓๐ วันหลังเสร็จสิ้นโครงการให้หัวหน้าหน่วยงานหรือกลุ่มหรือองค์กรประชาชน จัดทำรายงานผลการดำเนินงานตามแบบ กท.๑๑ และนำส่งต่อเทศบาลตามแบบ กท.๑๒
พร้อมด้วย
(๑) หลักฐานการใช้จ่ายเงิน เช่น ใบเสร็จรับเงิน หรือใบสำคัญรับเงิน
(๒) เอกสารอื่นๆ ที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ รวมทั้งภาพถ่ายกิจกรรม
(๓) เงินเหลือจ่าย (ถ้ามี)
เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการส่งใช้เงินยืมตามแบบ กท.๑๔ ของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน และใช้เป็นหลักฐานในการรายงานผลการดำเนินงานของหน่วยงาน สำหรับหน่วยงานหลักฐานตาม (๑) และ (๒) และ กท.๙ ให้ใช้สำเนาที่รับรองความถูกต้อง ส่วนต้นฉบับให้เก็บไว้ที่หน่วยงานเพื่อการตรวจสอบ
หมวด ๘ การจัดซื้อจัดจ้าง
ข้อ ๓๖ ในการจัดซื้อจัดจ้าง ให้ผู้รับผิดชอบโครงการดำเนินการดังนี้
(๑) ชุดจัดซื้อจัดจ้าง ตามข้อ ๒๙ วรรคสอง (ก)
(๑.๑) กรณีวงเงินไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) ให้กระทำโดยวิธีตกลงราคาโดยอนุโลม โดยใช้ใบสืบ-เสนอราคาและสั่งซื้อ-สั่งจ้าง ตามแบบ กท.๘ กรณีที่ผู้ขายเป็นนิติบุคคล และมีการติดป้ายแสดงราคาสินค้ารวมทั้งออกใบเสร็จด้วยเครื่องเก็บเงิน ไม่ต้องให้ผู้ขายลงนามเป็นผู้เสนอราคาก็ได้
(๑.๒) กรณีวงเงินเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบของหน่วยงานโดยอนุโลม
(๑.๓) ในการจัดซื้อจัดจ้าง ให้จัดซื้อจัดจ้าง
-ในราคาที่เหมาะสม โดยถือราคากลางของทางราชการ เว้นแต่กรณีมีความจำเป็นให้ใช้ราคาตลาดโดยทั่วไปในขณะที่จัดซื้อจัดจ้าง
-ที่มีคุณภาพ โดยซื้อพัสดุที่มีคุณภาพดีและมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้งานมากที่สุด หรือเป็นพัสดุที่มีการรับประกัน หรือซื้อหรือจ้างจากผู้ที่มีประวัติดี
และควรซื้อหรือจ้างจากร้านที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลหรือท้องถิ่นใกล้เคียง ยกเว้นการจัดซื้อจัดจ้างตาม (๑.๒) ให้เป็นไปตามที่จัดหาได้
-ให้ถูกกฎมาย โดยมีหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงินหรือบิลเงินสดที่ถูกต้อง และมีเอกสารประกอบได้แก่ ใบส่งของหรือหนังสือส่งมอบงานจ้าง กรณีวงเงินที่ซื้อหรือจ้างเกิน ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ให้มีสำเนาบัตรประชาชนของผู้ขายหรือผู้รับจ้างแนบด้วย
(๑.๔) เมื่อผู้ขายหรือผู้รับจ้างส่งมอบพัสดุหรืองานจ้าง ให้แจ้งผู้รับผิดชอบ
ชุดตรวจรับตามข้อ ๒๙ วรรคสอง (ข) ทราบ
(๒) ชุดตรวจรับ หลังรับแจ้งตามข้อ (๑.๔)
(๒.๑) ให้ตรวจสอบพัสดุที่ซื้อหรือจ้างจากใบสืบ-เสนอราคา และ สั่งซื้อ-
สั่งจ้างตามแบบ กท.๘ และจากใบส่งของหรือหนังสือส่งมอบงานจ้างภายใน ๓ วันทำการนับแต่รับแจ้ง หากพบว่าถูกต้องครบถ้วน ให้ตรวจรับพัสดุหรืองานจ้างพร้อมลงนามกำกับในใบส่งของหรือหลักฐานการส่งมอบงานจ้างอย่างน้อย ๒ ใน ๓ คนว่าได้ทำการตรวจรับไว้เป็นการถูกต้องแล้ว
(๒.๒) หลังตรวจรับ ให้แจ้งชุดเบิกจ่ายเงินตามข้อ ๒๙ วรรคสอง (ค) ทราบ
(๓) ชุดเบิกจ่ายเงิน หลังรับแจ้งตามข้อ (๒.๒) แล้วให้เบิกจ่ายเงินค่าจัดซื้อพัสดุหรือค่าจ้างตามจำนวนที่ปรากฏในใบเสร็จรับเงิน บิลเงินสด หรือหลักฐานการจ่ายเงินอื่นๆ ให้กับผู้ขายหรือ
ผู้รับจ้างภายใน ๓ วันทำการนับแต่รับแจ้งและลงนามกำกับในหลักฐานดังกล่าวอย่างน้อย ๒ ใน ๓ คนว่าได้ทำการจ่ายเงินให้กับผู้ขายหรือผู้รับจ้างเรียบร้อยแล้ว
เว้นแต่การจัดซื้อจัดจ้างตาม (๑.๒) กำหนดเวลาการตรวจรับ การจ่ายเงินหรืออื่นๆให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศสอบราคา